วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

งาดำ ธัญพืชที่เป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ


งาดำ ธัญพืชที่เป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพในปัจจุบัน งานั้นเป็นพืชล้มลุก ผลเป็นฝัก มีเมล็ดเล็ก ๆ สีขาวหรือสีดำ สามารถเป็นอาหาร เครื่องเทศ และทำน้ำมันได้ งาดำมีคุณค่าทางอาหารและความงามในด้านคุณค่าทางสารอาหาร เพราะมีทั้งโปรตีนกรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามินที่สำคัญ ๆ มากมาย

คุณค่าทางอาหารของ งาดำ
น้ำมันงา มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า3 กรดไขมันโอเมก้า6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงรวมทั้งช่วยเยียวยาในโรคข้อเสื่อมได้เช่นกันงายังมีแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็กแมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่าง ๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาทช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง มีสารบำรุงประสาท และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนต์ต้านมะเร็ง

นอกจานี้ในเรื่องความงาม งาดำเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อการชะลอความแก่เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมันมีสารอาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมากวิตามินเอ บีรวม ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณวิตามินซี ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของชั้นผิวหนังแท้ และวิตามินอีในงาดำยังช่วยซ่อมแซมผิวและยังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิว

รับประทาน งาดำ
งาดำ เป็นธัญพืชสารพัดประโยชน์ ช่วยบำรุงหลายส่วนของร่างกาย ทั้งผม ผิวพรรณ เล็บ กระดูก เพิ่มแคลเซียม ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง มีกรดไขมันดีมาก มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายชนิด แม้คนที่ยังเด็กหรือไม่มีอาการป่วย ก็ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสร้างต้นทุนทางสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายตัวเอง และสำหรับผู้หญิงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจำเป็นมาก เพราะจะช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้ผลเนื่องจากมีแคลเซียมสูง

การรับประทานงาดำ ควรทานเป็นอาหาร จะดีกว่าการทานเป็นสารสกัด ก่อนรับประทานควรนำมาคั่วให้โดนความร้อนสักนิด ควรคั่วไว้ใช้กะให้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แบ่งออกมาคั่วและเก็บไว้ในขวดโหลที่แห้ง เมื่อหมดแล้วค่อยคั่วใหม่ เพื่อให้ได้รับประทานงาคั่วใหม่ๆ หอมๆ ทุกสัปดาห์ เวลาเลือกซื้อควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ดีสักหน่อย มีการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิดเรียบร้อย ไม่ควรซื้อที่แบ่งขายตามร้านของของชำ เพราะอาจเสียงกับมูลแมลงสาปหรือแมงอื่นๆ จากการเก่าเก็บภายในร้าน และไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จแล้วเนื่องจากอาจมีเชื้อราอะฟลาทอกซินติดมาด้วย

ไม่แนะนำให้รับประทานงาดำโดยโรยในข้าวหรือใส่กับเครื่องดื่ม เพราะวิธีการรับประทานงาดำที่ดีที่สุดคือการเคี้ยว หากเราโรยข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม บางครั้งไม่ได้เคี้ยว ร่างกายอาจจะดูดซึมไม่ได้เต็มที่ เข้าไปอย่างไรก็ออกมาอย่างนั้น ดังนั้นต้องเคี้ยว ปกติก็รับประทานอยู่ ใส่กับขนมปังโฮลวีตทุกเช้า วันละ 10 ช้อน แต่ถ้าเป็นวัยรุ่น วันทำงาน ก็อาจจะไม่ต้องมากขนาดนี้ อาจจะประมาณวันละ 3-4 ช้อน หรือเดี๋ยวนี้เห็นเขาทำน้ำเต้าหู้งาดำขาย อันนั้นก็รับประทานได้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นวัยสูงอายุหน่อยหรือเข้าสู่วัยทองก็เพิ่มปริมาณให้มากหน่อย คือ อาจจะ 6-9 ช้อนก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จะกินไข่ให้ฉลาด...ต้องฉลาดกินไข่

คนไทย บริโภค ไข่ ต่อคนต่อปีต่อปีน้อยกว่าคนมาเลเซียและสิงคโปร์เพื่อนบ้าน นอกจากเพราะรายได้ที่น้อยกว่า ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลที่ทำให้เกิดความเ...