วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561

พริกหวาน..ประโยชน์ดีดีที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน!!


บรรดาอาหารรสชาติเผ็ดที่มีพริกสด พริกขี้หนู เป็นเครื่องปรุงสำคัญอาจไม่ใช่เมนูโปรดของบางคน เนื่องจากไม่ชอบรสเผ็ดหรือบ้างก็กินเผ็ดไม่ได้ คนเหล่านั้นจึงพลาดที่จะได้ประโยชน์ดีๆ จากพริกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทำไมถึงไม่ลองหันมากินพริกรสชาติเผ็ดน้อยอย่าง “พริกหยวก” (ฺBell pepper) กันบ้างล่ะ เพราะขึ้นชื่อว่าพริกแม้จะคนละสายพันธุ์และมีรสเผ็ดมากเผ็ดน้อยต่างกันไป ก็มีสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางสารอาหารไม่ด้อยไปกว่ากันหรอกนะ

“พริกหยวก” (ฺBell pepper) สายพันธุ์ของพริกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะใหญ่กว่าพริกสด พริกขี้หนู และพริกชี้ฟ้า มีระดับของความเผ็ดน้อยกว่าพริกชนิดอื่นแต่ก็เผ็ดกว่าพริกหวานเล็กน้อย เมื่อผลอ่อนมักมีสีเขียวอ่อนหรือสีเหลืองอ่อน ส่วนผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง และสีเขียว ภายในบรรจุเมล็ดกลมจำนวนมากเกาะติดอยู่กับรก ซึ่งจะมีสารสำคัญเช่นเดียวกับพริกชนิดอื่นคือ สารแคปไซซิน เป็นสารที่ให้รสเผ็ดหากโดนผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคือง


ด้วยรสชาติเผ็ดน้อยของพริกหยวกจึงน่าสนใจสำหรับคนที่กินเผ็ดจัดไม่ได้ มักจะถูกนำมาใช้ประกอบอาหารรวมกับการใส่เนื้อสัตว์และผักชนิดอื่นๆ พริกหยวกจึงเปรียบได้กับผักชนิดหนึ่งที่มีรสชาติอร่อยแล้วมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส เบต้าแคโรทีน และใยอาหาร

นอกจากนี้พริกหยวกยังเป็นอาหารสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการช่วยป้องกันและรักษาโรค ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีและแข็งแรง โดยเฉพาะสารแคปไซซินนั้นแม้จะเผ็ดแต่ก็มีคุณสมบัติที่เป็นผลดีต่อหลอดเลือด ลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้ ทำให้ความเสี่ยงที่เกิดโรคเรื้อรังน้อยลงตามไปด้วย


12 สรรพคุณของพริกหยวก ประโยชน์ในการรักษาโรค

1. พริกหยวกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยบำบัดอาการของโรค ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

2. พริกหยวกยังส่งผลให้ระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลงด้วย โดยการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ระดับไขมันแต่ละชนิดมีความสมดุลกัน

3. พริกหยวกมีคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดน้อย และเลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากและดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

4. สรรพคุณของพริกหยวกอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด

5. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ จากสารแคปไซซินที่มีสรรพคุณช่วยให้หลอดเลือดอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลทำให้สลายลิ่มเลือดได้เร็ว และเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง มีความยืดหยุ่นรับแรงดันในระดับต่างๆ ได้ดี


6. พริกหยวกช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

7. ประโยชน์ของพริกหยวกทำให้รู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น แจ่มใส โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดความผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุข

8. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดฟัน เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ ฯลฯ เพราะสารแคปไซซินจะมีผลช่วยชะลอความรู้สึกเจ็บปวดที่ปลายประสาทของสมองส่วนกลางให้ช้าลง

9. พริกหยวกช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากกินอาหาร ทำให้เจริญอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อระบบการย่อย ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยทำให้สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น

10. สรรพคุณพริกหยวกมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้อาเจียน บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และแก้หวัด โดยสารแคปไซซินจะช่วยลดน้ำมูกทำให้การหายใจสะดวกขึ้น ช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ต่างๆ ได้

11. พริกหยวกมีสรรพคุณที่สามารถนำไปผสมกับขี้ผึ้งใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากไขข้ออักเสบ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น

12. พริกหยวกมีประโยชน์ช่วยขับลมซึ่งจะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ


เห็นสรรพคุณและประโยชน์ของพริกหยวกแล้ว สำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติของพริกที่มีความเผ็ดมากๆ คงยิ้มออกกันแล้ว เพราะคราวนี้ไม่ต้องกลัวว่าร่างกายจะไม่ได้รับคุณประโยชน์จากพริกเลย เพราะพริกหยวกจะเป็นทางเลือกที่ดีของเราอีกทางหนึ่ง แถมรสชาติก็ไม่เผ็ดจัดจนกินกันไม่ได้เลย เป็นผักสมุนไพรที่เด็กๆ กินได้ ผู้ใหญ่กินดีทีเดียว ประโยชน์เยอะขนาดนี้ วันนี้เราจึงมีเมนูอร่อยๆที่มาจากพริกหยวกมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ เมนูผัดฉ่ากุ้งแม่น้ำ ที่ได้ประโยชน์ทั้งจากกุ้ง พริกหยวก และเครื่องเทศต่างๆมากมาย รับรองอร่อยฟินสุดๆเลยค่ะ



วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปูทะเล อร่อย คุ้มค่า มีประโยชน์


เชื่อว่าเมนูอาหารทะเลแสนอร่อยของหลายๆ คนน่าจะมี “ปูทะเล” รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน การันตีได้จากเมนูแสนอร่อยหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดปู ปูผัดผงกระหรี่ หรือแม้แต่เมนูซี๊ดซ๊าดอย่าง ‘ส้มตำปูม้า’ นอกจากจะเป็นอาหารทะเลที่มีรสชาติดีแล้ว จากการสำรวจยังพบอีกว่ามีผู้ที่แพ้สารอาหารใน ‘ปูทะเล’ น้อยกว่า ‘กุ้ง’ และ ‘ปลาหมึก’ ดังนั้นในผู้ที่แพ้กุ้งและปลาหมึก แต่ไม่อยากเป็นโรคคอพอกหรือขาดไอโอดีนก็สามารถรับประทานปูทะเลแทนได้ วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับปูทะเลมากฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มต้นกันที่ประโยชน์ของ “ปูทะเล” กันเลยดีกว่าค่ะ


ประโยชน์ของปูทะเล ที่ไม่น้อยหน้าอาหารทะเลชนิดอื่นๆ

1. ประโยชน์ของปูทะเลรักษาโรคกล้ามเนื้อฝ่อหรือลีบ ในปูทะเลจะมีสารอาหารสำคัญที่เรียกว่า ‘ไกลซีน’ โดยสารชนิดนี้จะทำหน้าที่สร้าง ‘ครีเอทีนีน’ ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ ทำให้อาการกล้ามเนื้อตีบหรือฝ่อดีขึ้นได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานที่น่าสนใจอีกว่า ผู้ที่ได้รับไกลซีนในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้ตื่นตัวตลอดเวลาและมีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับไกลซีนเลยในแต่ละวัน

2. ประโยชน์ของปูทะเลอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ในปูทะเลจะมี ‘ฟอสฟอรัส’ อยู่เป็นจำนวนมากซึ่งแร่ธาตุชนิดนี้จะทำหน้าที่สื่อประสาทและยังมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางเคมีภายในร่างกายแทบทุกส่วน นอกจากนั้นยังมีความสำคัญต่อระบบหัวใจ โดยช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นไปอย่างปกติและยังมีส่วนช่วยให้ไตขับของเสียออกจากร่างกายดีขึ้น

3. ประโยชน์ของปูทะเลกระตุ้นการเรียนรู้และการจดจำของสมอง ปูทะเลเป็นอาหารทะเลอีกชนิดหนึ่งที่มีกรด ‘กลูตามิก’ จำนวนมาก ซึ่งกรดดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท ช่วยเพิ่มความรู้ความจำ ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า กลูตามิกเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงของสมอง นอกจากนั้นยังมีส่วนสำคัญในการกำจัดแอมโมเนียออกจากร่างกายอีกด้วย

4. ประโยชน์ของปูทะเลเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาว ‘อาร์จีนีน’ ในปูทะเลเป็นอีกหนึ่งสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมไธมัส ซึ่งต่อมดังกล่าวนี้เป็นศูนย์รวมของเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคในเซลล์ร่างกาย นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจที่อธิบายถึงการทำงานของอาร์จีนีน ว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเม็ดเลือดขาวและต่อต้านมะเร็งด้วย

5. ประโยชน์ของปูทะเลป้องกันโรคเอ๋อหรือปัญญาอ่อน โรคเอ๋อหรือปัญญาอ่อนมีสาเหตุสำคัญคือขาด ‘ไอโอดีน’ ที่มีอยู่มากในอาหารทะเลเช่น กุ้ง หอยและปูทะเล ถึงแม้ว่าไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่ไม่ได้สำคัญมากแต่ร่างกายก็ขาดไม่ได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดภาวะร่างกายขาดไอโอดีน จึงควรรับประทานอาหารทะเลอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อเดือน


จากข้อมูลข้างต้น น่าจะพอทำให้ผู้อ่านหลายๆ ท่านทราบถึงประโยชน์ของปูทะเลกันไปบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าปูทะเลยังเป็นอาหารที่ราคาแพงและอาจจะยังไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก เนื่องจากปูเป็นสัตว์ที่มีกระดูกแข็งทั้งตัว เมื่อแกะเนื้อปูออกมาจะได้ปริมาณค่อนข้างน้อย หรือในบางครั้งเราซื้อปูมาจากตลาดบางครั้งก็ได้ปูที่เนื้อไม่แน่นหรือข้างในเป็นกระดองกลวงอีก ซึ่งวันนี้นอกจาก ‘สุขภาพดี’ ทำความรู้จักกับประโยชน์ของปูทะเลแล้ว เรายังมีเมนูที่ทำมาจากเนื้อปูมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ แกงคั่วเนื้อปู ของร้านเดอะโฮมค่ะ เนื้อปูเน้นๆ รสชาติอร่อย จัดจ้าน ได้ความกลมกล่อมกะทิ มีกลิ่นหอมอ่อนๆของเครื่องเทศ ใครที่อยากลอง เชิญได้ที่ร้าน เดอะโฮม อุบล นะคะ

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561

"หวาน" เป็นลม "ขม" เป็นยา


มะระ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นผัก หรือพืชสมุนไพรที่มีรสขม ทำให้บางคนดูจะไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ แต่ก็มีหลายคน ที่ดูเหมือนจะติดใจในรสชาติขมๆ ของมะระ เมื่อถูกนำมาประกอบอาหารในหลากหลายเมนู อย่างที่เรามักจะเห็นกันชินตา ตามร้านขายกับข้าวทั่วๆ ไปนั่นเอง ไม่เพียงนำมาทำอาหารได้เท่านั้น สรรพคุณและประโยชน์ของมะระนั้น ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซึ่งก็ตรงกับคำโบราณที่ได้ยินกันมานาน กับประโยคที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” นั่นเอง ในมะระนั้น อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1, บี2, บ3, บี5, บี6 วิตามินซี แคลเซียม โฟเลต โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส ซิงค์ (zinc) ธาตุเหล็ก ฯลฯ รวมทั้งสารเคมีพิเศษอีกหลายชนิดที่มะระผลิตและสังเคราะห์ออกมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กรดฟีนอลิก (phenolic acid) ไตรเทอร์พีน (triterpene) อัลคาลอยด์ (Alkaloid) (1) และสารที่มีลักษณะคล้ายกับอินซูลิน เป็นต้น และมะระ 100 กรัม ให้พลังงานแค่ 17 แคลอรี่เท่านั้น

สรรพคุณและประโยชน์ของมะระต่อสุขภาพ

👉 ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ให้อยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้

👉 ช่วยลดไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ และบำรุงสุขภาพหัวใจโดยรวม

👉 ช่วยบำรุง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะตับ

👉 ช่วยในการรักษานิ่วในไต

👉 มะระมีสารเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโอกาสที่จะเป็นมะเร็งบางชนิด

👉 ช่วยลดหรือบรรเทาอาการไข้ รวมทั้งอาการไอด้วย

👉 ช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ปอดบวม เป็นต้น

👉 ช่วยลดอาการอักเสบ ต้านเชื้อโรค (แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส) และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

👉 ช่วยรักษาอาการปวดท้อง จากแผลในกระเพาะอาหาร

👉 ช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย พยาธิในลำไส้ และบรรเทาอาการลำไส้อักเสบ

👉 ทำให้รู้สึกเจริญอาหารมากขึ้น

👉 เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน

👉 มะระมีฤทธิ์ที่ช่วยในการฟอกเลือด ทำให้เลือดไหวเวียนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

👉 ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติสำหรับคุณผู้หญิง

👉 ช่วยปรับความสมดุลให้กับฮอร์โมนในร่างกาย

👉 ช่วยสมานแผลต่างๆ ให้หายเร็ว และลดการติดเชื้อ หรือการอักเสบที่จะตามมาด้วย

สรรพคุณและประโยชน์ของมะระ ในด้านความงาม

ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับผิวพรรณ เช่น ลดสิว จุดด่างดำ อาการผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ หรือเชื้อราบนผิวหนังต่างๆ ด้วยการกินมะระต้ม หรือคั้นน้ำมะระดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอ

ช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี ชะลอริ้วรอย และทำให้แก่ช้าด้วย ด้วยการกินมะระหรือดื่มน้ำมะระคั้นเป็นประจำ

ช่วยบำรุงเส้นผม ลดผมร่วง ลดผมแตกปลาย ทำให้ผมงอกไว ยาวเร็ว เงางาม และยังช่วยแก้ผมชี้ฟู หยาบกระด้าง หรือผมหงอกผมขาวได้อีกด้วย ซึ่งได้ทั้งจากการกิน (น้ำมะระ) และการหมักผม

ช่วยแก้ปัญหาหนังศีรษะคัน หรือเป็นรังแค ด้วยการนำมะระไปขยี้ทาบนหนังศีรษะ หรือจะใช้น้ำมะระคั้น ไปชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ก่อนจะล้างหรือสระออก ก็ได้เช่นกัน

ช่วยในการลดความอ้วน ด้วยการเพิ่มการเผลาผลาญพลังงานในร่างกายให้ดีขึ้น ร่วมกับการดูแลระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ


แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่า รสชาติหรือความขมของมะระถ้าจะให้กินสดๆ เลย อาจจะเป็นเรื่องทื่ฝืนใจกันเกินไปหน่อยการจะกินให้ได้ง่ายขึ้นก็คือ นำมาทำเป็นกับข้าว หรือปรุงรสอื่นๆ เพิ่ม จนได้รสชาติที่ดีขึ้นหรือจะทานเป็นเครื่องเคียงของอาหารเมนูต่างๆก็ดี วันนี้เรามีเมนูที่สามารถทานมะระเป็นเครื่องเคียงนั่นก็คือ หมูมะนาว เป็นเมนูที่รสชาติจัดจ้าน สามารถทานเป็นกับแกล้มหรือจะทานกับข้าวร้อนๆก็อร่อยไม่แพ้กัน ท่านใดที่สนใจเชิญได้ที่ร้านเดอะโฮม อุบล นะคะ

จะกินไข่ให้ฉลาด...ต้องฉลาดกินไข่

คนไทย บริโภค ไข่ ต่อคนต่อปีต่อปีน้อยกว่าคนมาเลเซียและสิงคโปร์เพื่อนบ้าน นอกจากเพราะรายได้ที่น้อยกว่า ส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลที่ทำให้เกิดความเ...